AWC (Asset World Corp) หุ้นโรงแรมดาวรุ่ง! FSSIA ชี้เป้าราคา 5.20 บาท มองการเติบโตต่อเนื่อง

P/E 10.13 YIELD 3.71 ราคา 2.02 (0.00%)


ไฮไลท์สำคัญ: FSSIA แนะนำซื้อ AWC

FSSIA (FSS International Investment Advisory Securities Co Ltd) แนะนำ "ซื้อ" หุ้น AWC โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 5.20 บาท อิงจากการประเมินมูลค่าด้วยวิธี DCF (Discounted Cash Flow) โดยมองว่า AWC จะมีการเติบโตต่อเนื่องในปี 2568 จากอัตราการเข้าพัก (OCC) ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 75% และ RevPAR (รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก) ที่จะเติบโตมากกว่า 10% นอกจากนี้ บริษัทยังได้เข้าซื้อ Swissotel Bangkok Rachada และมีแผนที่จะรีแบรนด์เป็น JW Marriott

การเติบโตและปัจจัยสนับสนุน

FSSIA คาดการณ์ว่า RevPAR ของ AWC จะเติบโตมากกว่า 10% ในปี 2568 และอัตราการเข้าพักจะดีขึ้นเป็น 75% จาก 72% ในปี 2567 จำนวนห้องพักของโรงแรมจะเพิ่มขึ้น 22% เป็น 7,378 ห้อง จากการเปิดตัว Meliá Pattaya City, Pattaya Marriott, Fairmont Bangkok Sukhumvit และการเข้าซื้อ Swissotel Bangkok Ratchada FSSIA ประเมินว่ารายได้จากโรงแรมจะเติบโต 21% เป็น 15.0 พันล้านบาท นอกจากนี้ โครงการ “Jurassic World: The Experience” ที่ Asiatique ซึ่งได้รับการอนุมัติจาก BOI จะช่วยสร้างรายได้และเพิ่มจำนวนผู้เข้าชม โดยมีเป้าหมายอัตราการเข้าพักที่ 85% จาก 71% ในปี 2567

การเข้าซื้อ Swissotel Bangkok Ratchada

AWC ประกาศว่าจะเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดใน Le Concorde Hotel ซึ่งเป็นเจ้าของ Swissotel Bangkok Ratchada (407 ห้อง) และ Le Concorder Office Tower (45,792 ตร.ม.) ด้วยมูลค่าสุทธิรวม 4.4 พันล้านบาท นอกจากนี้ AWC วางแผนที่จะลงทุน 4.3 พันล้านบาทในการปรับปรุงใหม่ภายใต้ชื่อ Jubilee Prestige Tower ซึ่งจะเปลี่ยนเป็นอาคารสำนักงานไลฟ์สไตล์ยุคใหม่และโรงแรมหรูภายใต้แบรนด์ JW Marriott โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบภายในปี 2571 AWC คาดว่า ADR (อัตราค่าห้องพักเฉลี่ย) จะเพิ่มขึ้นจาก 2,500 บาทในปัจจุบันเป็น 7,500 บาทหลังจากการรีแบรนด์ FSSIA ประมาณการว่า Le Concorde Hotel จะสร้าง EBITDA ประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี หาก AWC ใช้เงินกู้จากธนาคารทั้งหมดในการเข้าซื้อ ก ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 150-180 ล้านบาทต่อปี ดังนั้นโครงการนี้มีแนวโน้มที่จะยังคงเพิ่มขึ้นในระดับ EBITDA ในช่วงระยะเวลาการพัฒนา

ประมาณการกำไรและการเติบโตระยะยาว

FSSIA คาดว่ากำไรหลักของ AWC จะกระโดดขึ้น 20% เป็น 2.2 พันล้านบาทในปี 2568 นอกจากนี้ ขนาดสินทรัพย์รวมควรเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 210 พันล้านบาทในปี 2568 (เทียบกับ 199 พันล้านบาทในปี 2567 และ 96 พันล้านบาทในปี 2562) อัตราผลตอบแทน EBITDA ควรปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจาก 5% ไม่รวมกำไรจากมูลค่ายุติธรรม และ 8% รวมกำไรจากมูลค่ายุติธรรม ไปสู่เป้าหมายระยะยาวที่ 10-15% AWC ซื้อขายที่ P/E หลักปี 2568 ที่ 41 เท่า (เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 27 เท่า) หากรวมกำไรจากมูลค่ายุติธรรมโดยประมาณ 3.0 พันล้านบาทในปี 2568 จะลดลงเหลือเพียง 18 เท่า P/E ราคาหุ้นที่อ่อนแอในช่วงตลาดผันผวนเป็นโอกาสในการซื้อหุ้นเพื่อจับการเติบโตในระยะยาว

โพสต์ล่าสุด