บทความ ข่าวสาร กิจกรรม

ไฮไลท์สำคัญ: SVT โชว์ผลงานปี 67 กำไรพุ่ง 27.61%

SVT ประกาศผลประกอบการปี 2567 สุดปัง! กำไรสุทธิโตถึง 27.61% จากปีก่อนหน้า รายได้รวมเพิ่มขึ้น 12.05% ขานรับการขยายธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) อย่างต่อเนื่อง สะท้อนการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท

รายได้และกำไร: ขยายตู้ Vending Machine ดันรายได้โต

รายได้รวมปี 2567 ของ SVT อยู่ที่ 2,642.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปีก่อนหน้า 12.05% โดยมีปัจจัยหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้าผ่านตู้ Vending Machine ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายการติดตั้งตู้เพิ่มขึ้นถึง 1,658 ตู้ หรือคิดเป็น 10.19% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2566 นอกจากนี้ รายได้เฉลี่ยต่อตู้ต่อวันก็เพิ่มขึ้น จาก 395 บาท เป็น 406 บาท

กำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 75.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.61% จากปีก่อนหน้า ปัจจัยหลักมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นจากการขายสินค้า

• รายได้หลัก: มาจากการขายสินค้าผ่านตู้ Vending Machine คิดเป็น 95.78% ของรายได้รวม
• อัตรากำไรขั้นต้น: โดยรวมอยู่ที่ 34% โดยอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าผ่านตู้ Vending Machine อยู่ที่ 34.38% เพิ่มขึ้น จาก 33.82% ในปีก่อนหน้า
• ค่าใช้จ่าย: ค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น จากค่าบริการพื้นที่วางตู้ที่สูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น จากค่าเสื่อมราคาอาคารสำนักงานใหม่

ฐานะทางการเงิน: สินทรัพย์เพิ่ม หนี้สินลด ส่วนของผู้ถือหุ้นแข็งแกร่ง

ณ สิ้นปี 2567 SVT มีสินทรัพย์รวม 1,730.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากสิ้นปี 2566 ส่วนหนี้สินรวมลดลง จาก 469.18 ล้านบาท เป็น 439.74 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น เป็น 1,290.96 ล้านบาท คิดเป็น 74.59% ของหนี้สินและส่วนของผู้ถือหุ้นรวม สะท้อนความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัท

• อัตราส่วนสภาพคล่อง: ลดลงเล็กน้อยจาก 0.85 เท่า เป็น 0.83 เท่า แต่วงจรเงินสดยังคงติดลบ (-22 วัน) แสดงให้เห็นว่าบริษัทสามารถเก็บหนี้ได้เร็วกว่าการชำระหนี้
• กระแสเงินสด: กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานเพิ่มขึ้น จากกำไรที่เพิ่มขึ้น กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุนใช้ไปกับการขยายธุรกิจ ส่วนกระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินจ่ายคืนเงินกู้และเงินปันผล

สรุปและแนวโน้ม: SVT มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

โดยรวมแล้ว SVT มีผลประกอบการและฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งในปี 2567 โดยมีการเติบโตของทั้งรายได้ กำไร และส่วนของผู้ถือหุ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันที่สูงขึ้นและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและเทคโนโลยี และการดำเนินงานด้านความยั่งยืนจะเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต