บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
CK: หุ้นรับเหมาฯ ช่วงเลือกตั้งไม่คึกคัก BLS ปรับลดคำแนะนำเป็น "ถือ"
P/E 7.37 YIELD 2.54 ราคา 11.90 (0.00%)
ไฮไลท์สำคัญ:
บล.บัวหลวง (BLS) ปรับลดน้ำหนักกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเป็น "น้อยกว่าตลาด" มองช่วงสุญญากาศทางการเมืองและการจำกัดเพดานหนี้ ทำให้งานภาครัฐล่าช้า หวังพึ่ง Backlog เดิมและงานเอกชนเป็นหลัก แม้ราคาหุ้นจะลงมาแล้ว แต่การรีบาวด์อาจไม่ต่อเนื่องใน 2-6 เดือนนี้
หุ้นรับเหมาฯ ไม่ใช่กลุ่มที่เล่นก่อน-หลังเลือกตั้ง:
จากการศึกษาตั้งแต่ยุคทักษิณถึงเศรษฐา (7 ครั้ง) พบว่าโดยเฉลี่ยหุ้น CK-STECON ไม่เล่นทั้งก่อน-หลังเลือกตั้ง โดยผลตอบแทนเฉลี่ยของ CK และ STECON ก่อนเลือกตั้งปรับตัวลงราว 4-5% ส่วนลงต่อ 10-15% ในช่วง 90 วันทำการหลังเลือกตั้ง เหตุผลจาก 1) เป็นสุญญากาศทางการเมือง และ 2) หลังเลือกตั้งมักยังไม่ได้เริ่มต้นด้วยนโยบายการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
แม้ Backlog จะจัดเต็มมาแล้ว แต่งานรัฐฯ อาจจะดีเลย์กว่าเดิม Backlog ในปัจจุบันทั้ง CK-STECON ดีกว่าในอดีตมาก โดยรองรับการรับรู้รายได้ไประดับ 4-5 ปี แต่งานใหม่ของภาครัฐส่วนใหญ่น่าจะดีเลย์ไป 2H26 ต้นปีจึงหวังพึ่งงานเอกชนอย่าง Data Center และโรงไฟฟ้าเป็นหลัก ทำให้แนวโน้ม Backlog ปีหน้าอาจจะลดลง YoY
ปัญหาด้านต้นทุนปีหน้า จะมาจากปัจจัยภายนอกที่คุมไม่ได้ ประเด็นต้นทุนอาจจะกลับมากวนในเชิง Sentiment ปีหน้า 2 ด้านคือ 1) ด้านแรงงาน แบ่งเป็น 1.1) การหาเสียงนโยบายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ และ 1.2) อาจขาดแคลนแรงงานทางอ้อมผ่านผู้รับเหมาช่วง ส่วน 2) ด้านต้นทุนวัสดุก่อสร้างอาจจะเริ่มเห็นความผันผวนจากราคาเหล็กมากขึ้นหากจีนมีการคุมส่งออกตามข่าว
ข้อสังเกตุ:
BLS ประเมินโครงการที่น่าจะเปิดประมูลได้ทันในปี 2026 มีอยู่ราว 2.3 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นราว 30% ของงานที่ Active อยู่ในระบบ คาดว่าจะเป็น Backload ช่วง 2H26 มากกว่า เพราะช่วง 1H26 เป็นจังหวะในการฟอร์มรัฐบาลใหม่
ความผันผวนของต้นทุนกลุ่มรับเหมาฯ ในปี 2026 จะมาจาก 1) ค่าแรง (อาจมีประเด็นหาเสียงขึ้นค่าแรง และการขาดแคลนแรงงานของผู้รับเหมาช่วง) และ 2) วัสดุก่อสร้าง (ความผันผวนของราคาเหล็กอาจสูงขึ้นหากมีการควบคุมจากฝั่งจีน)
สถิติในอดีตพบว่าทั้ง CK และ STECON (STEC เดิม) จะไม่ได้ถูกเล่นทั้งดัก และหลังเลือกตั้ง (และมีเพียง 1-2 ครั้งจาก 7 ครั้งที่เล่นหลังเลือกตั้งภายใน 90 วันทำการ) เหตุผลสนับสนุนคือ 1) ช่วงเลือกตั้งเป็นสุญญากาศทางการเมือง และ 2) ช่วงหลังเลือกตั้งอยู่ในช่วงเริ่มต้นนโยบายซึ่งมักจะเป็นด้านบริโภคก่อนส่วนงานโครงสร้างพื้นฐานจะมาหลังจากนั้น
สรุปและคำแนะนำ:
BLS ปรับลดคำแนะนำ CK เป็น "ถือ" จากเดิม "ซื้อ" โดยปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 14.00 บาท (เดิม 19.00 บาท) อิงวิธี SOTP โดยเพิ่มส่วนลดมูลค่าเงินลงทุนหลักที่ 15% เพื่อความอนุรักษ์นิยมมากขึ้น ส่วน STECON ยังคงคำแนะนำ "ถือ" โดยลดราคาเป้าหมายลงมาที่ 7.00 บาท โดยลด PBV ลงมาที่ 0.6 เท่า
ความเสี่ยงที่สำคัญ: เศรษฐกิจมหภาค, ความไม่แน่นอนทางการเมือง, การแข่งขันที่สูงขึ้น, ความผันผวนของต้นทุน, การปรับค่าแรง, กฎระเบียบและการกำกับดูแล