TLI ไทยประกันชีวิต โชว์ผลงาน Q3 ปี 2568 กำไรโตต่อเนื่อง พร้อมเปิดกลยุทธ์รับมือความท้าทายใหม่ๆ

P/E 8.65 YIELD 5.24 ราคา 9.55 (0.00%)

TLI ไทยประกันชีวิต โชว์ผลงาน Q3 ปี 2568 กำไรโตต่อเนื่อง พร้อมเปิดกลยุทธ์รับมือความท้าทายใหม่ๆ

Oppday ในไตรมาส 3 ปี 2568 ของบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) นำเสนอภาพรวมผลการดำเนินงานและกลยุทธ์ทางธุรกิจที่น่าสนใจ โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้

  1. **ภาพรวมผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact Overview):**

    อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปสู่ผลิตภัณฑ์เน้นการออม ส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB margin) อย่างไรก็ตาม ยอดขายจากกรมธรรม์ใหม่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากเครือข่ายตัวแทนที่แข็งแกร่งและความร่วมมือกับพันธมิตร ส่งผลให้มูลค่ากำไรของธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตเป็นเลขสองหลักในช่วง 9 เดือนแรกของปี

    New Business CSM หรือกำไรจากการให้บริการตามสัญญาจากกรมธรรม์ใหม่ เพิ่มขึ้น 22.8% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ แม้ยอดขายสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพจะปรับตัวลดลงชั่วคราวหลังจากการนำมาตรการ Co-payment มาใช้ แต่บริษัทได้เปิดตัวแคมเปญการตลาดและส่งเสริมการขายแบบเจาะจงกลุ่มเป้าหมายเพื่อกระตุ้นยอดขายในไตรมาสที่ 4

    กำไรสุทธิไม่รวมรายการพิเศษและรายการที่เกิดจากความผันผวนของตลาด เติบโตขึ้น 20.3% ในไตรมาสที่ 3 ส่งผลให้การเติบโตในช่วง 9 เดือนแรกอยู่ที่ 14% โดยได้รับการสนับสนุนจากกำไรทั้งในส่วนของการรับประกันภัยและกำไรจากการลงทุน

    ภายใต้มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับใหม่ Comprehensive Equity ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 อยู่ที่ 233,000 ล้านบาท หรือเท่ากับ 20.3 บาทต่อหุ้น

  2. **โอกาสทางธุรกิจ (Business Opportunities):**

    กลยุทธ์เครือข่ายช่องทางที่หลากหลายยังคงเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความมั่นคงของบริษัท ช่วยให้สามารถส่งมอบโซลูชันที่ครบครันและครอบคลุมทั้งด้านสุขภาพ ความมั่งคั่ง และความเป็นอยู่ที่ดีของลูกค้า

    ช่องทางตัวแทนยังคงเป็นช่องทางหลักในการให้บริการลูกค้าทุกกลุ่ม โดยใน 9 เดือนแรกของปีนี้ ช่องทางตัวแทนมีสัดส่วนเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแบบคำนวณรายปี (APE) อยู่ที่ 64% และสร้างการเติบโตของ VONB ที่แข็งแกร่งถึง 16.9%

  3. **ความเสี่ยงที่กำลังเผชิญ (Risks and Challenges):**

    อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงส่งผลกระทบต่อ VONB margin ในช่องทางพันธมิตร

    ยอดขายสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพชะลอตัวลงหลังจากการปรับใช้มาตรการ Co-payment

  4. **วิธีการแก้ไขปัญหาผลกระทบ (Problem-Solving and Mitigation):**

    บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนพอร์ตผลิตภัณฑ์เชิงรุกไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนร่วมในเงินปันผล พร้อมทั้งทำงานร่วมกับพันธมิตรอย่างใกล้ชิดในการพัฒนาข้อเสนอ

    เปิดตัวแคมเปญแบบเจาะจงเพื่อกระตุ้นยอดขาย พร้อมทั้งรักษาสัดส่วนผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง

  5. **แนวโน้มและอนาคต (Outlook and Future Trends):**

    บริษัทมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับ ESG และยึดเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในกลยุทธ์ของบริษัท

    ภายใต้มาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 17 บริษัทมีตัวชี้วัดสำคัญที่เรียกว่า CSM (Contractual Service Margin) ซึ่งใช้สะท้อนกำไรในอนาคตที่คาดว่าจะได้รับจากกรมธรรม์ที่ยังมีผลบังคับใช้

  6. **ช่วงถาม-ตอบ (Q&A Session): [เริ่ม Q&A นาทีที่ 22:41]**

    **รายการพิเศษและรายการที่เกิดจากความผันผวนของตลาดคืออะไร?** สินทรัพย์ลงทุนที่ถูกจัดประเภทอยู่ในหมวด Fair value to P&L ส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนในกองทุนรวมหรือ ETF ที่ใช้สำหรับการลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศ

    **สถานการณ์น้ำท่วม คาดว่ามียอดผู้เคลมประกันวงเงินเท่าไหร่ อย่างไร และมีนโยบายอะไรช่วยเหลือลูกค้า?** บริษัทติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และยังไม่มีการเคลมที่สำคัญรายงานเข้ามา บริษัทรับประกันชีวิตเป็นส่วนใหญ่ ไม่ได้รับประกันทรัพย์สิน และได้มีมาตรการช่วยเหลือ เช่น มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ บริจาคเงินร่วมกับกระทรวงการคลัง และขยายเวลาผ่อนผันชำระเบี้ยประกันภัยเพิ่มอีก 60 วัน

    **แนวโน้มไตรมาส 4 ปี 2568 จะเติบโตกว่าในด้านปีต่อปี และ Quarter ต่อ Quarter อย่างไร?** บริษัทคาดว่าเศรษฐกิจจะยังคงชะลอตัว และอัตราดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ ในไตรมาส 4 จะยังคงเน้นผลิตภัณฑ์สะสมทรัพย์และผลักดันยอดขายสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพ

    **เป้าหมายปี 2568 และแนวโน้มปีหน้าเป็นอย่างไร?** คาดว่า VONB จะยังคงเติบโตเป็นบวก และ CSM จะเติบโตเป็นเลขสองหลัก ปี 2569 ตั้งเป้าการเติบโตเป็นบวก แต่ไตรมาสแรกอาจเห็นการเติบโตที่ลดลงเนื่องจากผลกระทบจาก Co-payment

    **VONB และ CSM แตกต่างกันอย่างไร ทำไม VONB โต 10% แต่ New Business CSM โต 22%?** VONB รวมกำไรจากการรับประกันภัยและการลงทุน ในขณะที่ CSM คำนึงถึงเฉพาะกำไรจากการรับประกันภัย VONB จึงได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยมากกว่า

    **กำไรจากการลงทุนในไตรมาส 3 ที่เพิ่มขึ้นเกิดจากอะไร?** ส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้นตามพอร์ตการลงทุนที่ใหญ่ขึ้น และเงินปันผลที่ได้รับเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนเครื่องมือในการลงทุน

    **แผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในไตรมาส 4 คืออะไร?** บริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากกว่าหนึ่งอย่าง เช่น Legacy Fit Retire ที่ให้ทั้งความคุ้มครองชีวิตและการวางแผนการเกษียณ

    **บริษัทใช้กลยุทธ์อะไรเพื่อลดความเสี่ยงจากแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลง และกลยุทธ์การลงทุนในไตรมาส 4 ปีนี้ และปีถัดไปเป็นอย่างไร?** เน้นการกระจายการลงทุนทั้งตราสารหนี้และตราสารทุน และหากภาวะเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ก็พร้อมที่จะปรับการลงทุนมาลงทุนในตราสารทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้น

โดยสรุป ไทยประกันชีวิตยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างผลกำไรที่มีคุณภาพให้แก่ผู้ถือหุ้น โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางการขายที่หลากหลาย พร้อมทั้งปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์และความท้าทายใหม่ๆ ในตลาด

โพสต์ล่าสุด