บทความ ข่าวสาร กิจกรรม
SCGJWD โชว์ผลงาน Q2/68 กำไรโต 61% ทะลุเป้า!
P/E 11.72 YIELD 3.96 ราคา 7.20 (0.00%)
SCGJWD โชว์ผลงาน Q2/68 กำไรโต 61% ทะลุเป้า!
สวัสดีครับพี่น้องนักลงทุนและผู้สนใจทุกท่าน วันนี้ SCGJWD Logistics มานำเสนอผลงานไตรมาส 2 ปี 2568 ที่ออกมาดีต่อเนื่องจากหลายไตรมาส ถือว่าดีขึ้นอีกระดับเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยผลประกอบการแต่ละไตรมาสของปีที่แล้วอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท แต่ไตรมาสนี้ขึ้นมาอยู่ที่ 280 ล้านบาท เป็นผลมาจาก Synergy ที่เกิดขึ้นจากการรวมกันของ SCG Logistics เมื่อ 2 ปีก่อน กับ SCGJWD ที่วันนี้ Synergy นั้นได้เกิดขึ้นแล้ว
ธุรกิจเกือบทุก Sector ของเราเดินหน้าไปด้วยดีในไตรมาสที่ 2 นี้ ดร.เอก CFO ของเราจะมาเล่าถึงรายละเอียดผลประกอบการ และช่วงท้ายเราจะมาตอบคำถามกัน
กลับมาคุยกันในเรื่องของผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของบริษัทอีกครั้งหนึ่ง วันนี้มีผู้ให้ข้อมูลเป็นทางพี่บันกับผม 2 ท่าน คุณชวนินทร์ติดภารกิจ แต่มีคำถามใดๆก็เรียนเชิญส่งเข้ามาได้เลย เพราะตอนนี้ก็เริ่มมีส่งเข้ามาแล้ว แล้วเดี๋ยวเราจะทยอยตอบให้ครบถ้วนมากที่สุดในช่วงท้ายนะครับ
ในช่วงแรกขออนุญาตนำเสนอตามสไลด์ที่เรามีก่อน ซึ่งจะเป็นการอัปเดตให้ทุกท่านทราบเกี่ยวกับเรื่องของผลประกอบการและความคืบหน้าของธุรกิจในช่วงของไตรมาสที่ 2 และก็แผนของธุรกิจที่จะเดินหน้ากันต่อไป
ภาพรวมบริษัท
- โครงสร้างของบริษัทเรายังคงเหมือนเดิมในเรื่องของโครงสร้างการถือหุ้น
- ข้อมูลการให้บริการต่างๆ ยังมี footprint อยู่ทั้งหมดใน 9 ประเทศในอาเซียนบวกกับประเทศจีนตอนใต้ด้วย
- มีพื้นที่ให้บริการอยู่ทั้งหมด 2.3 ล้านตารางเมตร
- Fleet อยู่ประมาณ 14,000 คันที่วิ่งอยู่ให้กับเรา
- Capacity ในเรื่องของเรือบาส ก็คือเรือลากจูงในแม่น้ำประมาณ 220 ลำ
- ฐานลูกค้าทั้งหมด 2,400 ราย
ตรงนี้เป็นสิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบันและพยายามพัฒนาให้เติบโตมากยิ่งขึ้น ในแง่ของการเชื่อมโยงการให้บริการ ซึ่ง Business structure ของเราจะแสดงอยู่ในหน้าถัดไป อันนี้ก็คือตัวธุรกิจที่ปัจจุบัน SCGJWD ให้บริการอยู่
โครงสร้างธุรกิจ
แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก คือ
- ธุรกิจที่เป็น Logistics and Supply chain ซึ่งเป็นรายได้หลักของเราประมาณ 90%
- Other Business ซึ่งเป็นธุรกิจที่ประกอบในการทำงานร่วมกับงานหลักด้าน Logistics ตามที่แสดงอยู่บนหน้าจอ
เดี๋ยวในส่งส่วนของ Financial เราจะมีสัดส่วนรายได้จากแต่ละกลุ่ม Business Unit ให้ทุกท่านดูอีกครั้งหนึ่ง ว่าตอนนี้ก่อนที่จะไปถึงตรงนั้นเรามาดูไฮไลท์ของไตรมาสที่ 2 นี้กันก่อน ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก็จะเห็นได้ว่าในไตรมาสที่ 2 นี้เราทำผลประกอบการออกมาได้เป็นที่น่าพอใจนะครับ ถือว่าทำได้ดีเลยล่ะ เพราะว่าเราก็เติบโตจากปีที่แล้วมาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของกำไร
ผลประกอบการโดดเด่น
- Total Revenue หรือรายได้รวมของเราใน Q2 ปิดอยู่ที่ 6,437.8 ล้านบาท
- ถ้าเทียบกับปีที่แล้วถือว่าเติบโตขึ้นมาประมาณสัก 10.1%
ปกติไตรมาสที่ 2 นี้เป็นไตรมาสที่มักจะมีรายได้น้อยกว่าไตรมาสอื่นๆ ในปี เพราะว่าเป็นช่วงที่มีวันหยุดเยอะ และก็อาจจะเป็นเรียกว่า Fiscal year คิวแรกของลูกค้าบางประเทศอย่างเช่นกลุ่มญี่ปุ่นเป็นต้น ก็จะทำให้รายได้ในคิวเนี้ยปกติจะน้อย แต่ว่าในปีนี้เราสามารถทำรายได้ที่อยู่ในระดับที่สูง ใกล้เคียงกับจริงๆ เท่ากับไตรมาสที่ 1 เลย และก็โตกว่าปีที่แล้วถึง 10%
กำไรสุทธิ
- สามารถปิดผลกำไรสุทธิของบริษัทมาได้ที่ 282.5 ล้านบาท ซึ่งเติบโตถึง 61.1% จากปีที่แล้ว
ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นการเติบโตที่มีนัยยะสำคัญมากๆ คือในปีที่แล้วถ้าทุกท่านดูงบเนี่ย อาจจะเห็นว่า เอ๊ะ จริงๆ ปีที่แล้วกำไรมันดูเยอะ ดูเยอะนะ แต่จริงๆ มันมีรายการที่เรียกว่าเป็น Extra item จาก Negative Goodwill จากการเข้าสู่กิจการบริษัทที่มาเลเซียเมื่อปีที่แล้วเนี่ย บุ๊คเข้ามาในไตรมาสที่ 2 ของปีก่อน ประมาณสัก 339.4 ล้านบาท ซึ่งตรงนั้นเนี่ยถ้าเราเอาออกไปแล้วเหลือเฉพาะเป็นตัว Core Profit ของตัวบริษัทที่ Operate กันอยู่ ก็จะเห็นได้ว่ามันอยู่ประมาณสัก 175 ล้านบาท แล้วเราเติบโตขึ้นมาเป็น 282.5 ล้านบาท ในปีนี้
ก็ถือว่าเรามาได้ค่อนข้างแข็งแกร่งนะครับ แล้วก็มีการเติบโตที่ดี ก็อาจจะเป็นผลกำไรที่น้อยกว่าใน Q1 บ้างบางส่วน เพราะว่าใน Q1 เนี่ยเรามี Equity Income ที่เป็นพวกที่เป็นรายการที่ Spike ขึ้นมาในช่วงเวลา เช่นการขายที่ดินของนิคมอุตสาหกรรมอะไรต่างๆ นานา ตามช่วงเวลาเข้ามา ถ้าไม่นับรายการพวกนั้นเนี่ยรายการปกติอื่นๆ เนี่ยหมายถึงว่าที่เป็นตามธุรกิจที่ recurring เนี่ย ถือว่าเราทำได้ค่อนข้าง Consistent กับไตรมาสที่ผ่านมาเลย ก็ถือว่าเป็นผลประกอบการที่ทำได้ดี
และก็อย่างที่พี่บันเรียนตั้งแต่แรกก็คือถือว่าเราเนี่ยเข้ามาสู่เรียกว่า New Normal ของผลกำไรหรือผลประกอบการที่เราทำได้แล้ว ตอนเนี้ยกลายเป็น 1 + 1 ออกมาเป็น 2 ได้อย่างชัดเจนแล้ว แล้วก็กำลังจะสร้าง Synergy เพื่อให้มากกว่า 2 ขึ้นไปหลังจากนี้นะครับ ก็หลังจากที่รวมกิจการมา เราก็พัฒนาธุรกิจด้วยกันร่วมกันร่วมกันมา แล้วก็สร้าง Synergy ด้วยกันมา Lean cost ต่างๆ จนเริ่มเห็นผลมากขึ้นตามลำดับ ก็เชื่อว่าทุกท่านก็จะ ได้เห็นจากผลประกอบการที่เราแสดงให้เห็นตามลำดับตั้งแต่ต้นมาจนถึงปัจจุบันและก็ในอนาคตต่อไป รวมทั้งสิ่งที่เราจะทำหลังจากนี้ก็คงจะทำให้เราให้ทุกท่านมั่นใจได้ว่า สิ่งที่เราต้องการจะทำจากการรวมธุรกิจเป็น SCGJWD เนี่ย มันก่อให้เกิดผลตามที่เราต้องการจริงๆ
ภาพรวมครึ่งปีแรก (Year to date)
- รายได้รวม 6 เดือน ปิดอยู่ที่ 12,877.8 ล้านบาท โตจากปีที่แล้ว 6.2%
- Net Profit อยู่ที่ 648 ล้านบาท โตจากปีที่แล้ว 90.9%
ก็ถือว่าเติบโตได้ดีและก็เป็นตัวเลขที่น่าสนใจเลยนะครับ ซึ่งไปดูกันว่า เอ๊ะ ในในในมุมมองของทางบริษัทและผู้บริหารเนี่ยเรามองว่า ศักยภาพของบริษัทเป็นอย่างไรบ้าง ก็ต้องต้องเรียนว่า การที่เรารวมกันแล้วก็มีการเติบโตขึ้นมาเนี่ยนะครับ ก็ base on ความแข็งแกร่งของการรวมตัวแล้วก็เราเริ่มแสดงให้เห็นว่าเรามีศักยภาพในการที่จะเติบโตในภาวะที่เรียกว่ายากลำบากในหลายๆ หลายๆ โอกาส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของช่วง Covid ที่เคยผ่านมาทุกท่านก็จะเห็นอยู่ว่าเราสามารถที่จะ หยิบฉวยโอกาสที่เกิดขึ้นจากความวิกฤตที่เกิดขึ้นตรงนั้นได้
ในภาวะปัจจุบันก็เช่นเดียวกันนะครับ ก็มีวิกฤตที่เกิดขึ้นหลากหลายในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัว Geopolitics เรื่องของ ทารีฟ ของทาง US นะครับ หรือว่าจะเป็นเรื่องของสงคราม ภาวะสงคราม ความขัดแย้ง แล้วก็ตัว border dispute ระหว่างเรากับประเทศเพื่อนบ้านเนี่ย ก็ทำให้เกิดความยากลำบากในแง่ของงานต่างๆ ลูกค้าหลายๆ ราย แต่ด้วยความที่เรามี diversification เนี่ยทำให้เราสามารถที่จะ สร้าง Solution ในการตอบโจทย์ความจำเป็น ความต้องการให้กับลูกค้า เพราะความต้องการมันเปลี่ยนเป็นความจำเป็นเนี่ย มันก็ทำให้เราได้โอกาสมากขึ้น แล้วก็แสดงให้เห็นจากการที่เราสามารถที่จะทำรายได้และกำไรต่อเนื่องมาได้และหลายๆ ไตรมาสที่ผ่านมา
ทีนี้ในส่วนของเราเนี่ยก็ต้องเรียนว่าเราสามารถที่จะแสดงสิ่งที่เรียกว่า profitability resilience ก็คือความสามารถในการที่จะทำกำไรได้ในภาวะที่ยากลำบากอย่างต่อเนื่องนะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นเนี่ยก็มาจากปัจจัยสำคัญ 3 อย่างที่เราแสดงให้เห็นก็คือเรื่องของการ สร้าง การเติบโตของรายได้อย่างมีเรียกว่ามีโมเมนตัมที่ดีนะครับ ซึ่งเราก็ยังมีเรียกว่ากลไกในการที่จะเติบโตในแง่ของรายได้อีกหลากหลายนะครับ แล้วก็มีการเติบโตในเชิงรายได้อย่างแข็งแกร่งและมั่นคง จริงๆ ในภาวะแบบนี้แค่รายได้ไม่ลงมาเนี่ยก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้วนะครับ เพราะว่ามันมีความยากลำบากหลากหลายมากมายอย่างที่ทุกท่านก็คงจะทราบ แต่ว่าเราสามารถที่จะสร้างรายได้ที่อยู่ในระดับที่สูงต่อเนื่องโดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 มีรายได้ที่สูงเท่า ไตรมาสที่ 1 ถือว่าเป็นช่วงที่จริงๆ ต้องถือว่ารายได้เพิ่มขึ้นมา เพราะว่าไตรมาสที่ 2 ปกติรายได้จะจะน้อยลง
แล้วก็อีกส่วนหนึ่งคือสามารถที่จะเติบโตนะครับ ในแง่ของธุรกิจได้ เพราะว่าตอนนี้เรามี Growth เรียกว่า infrastructure ต่างๆ ที่สร้างเตรียมไว้เยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศเราหรือต่างประเทศก็ตามนะครับ ซึ่งตรงนี้ก็เชื่อว่า scalability ที่เราเตรียมไว้เนี่ย จะช่วยให้เรามีความสามารถในการเติบโตต่อเนื่องไปได้ในภาวะที่ยากลำบาก และอีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจเลยก็คือเรื่องของการจัดการเรื่องของต้นทุน ค่าใช้จ่ายแล้วก็ finance cost ต่างๆ ซึ่งเรามีการ optimize แล้วก็ลด สิ่งเหล่านี้ลงมาอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งเดี๋ยวจะพูดให้เห็นภาพในช่วงของ financial อีกครั้งหนึ่งนะครับ
ที่สำคัญของเราคือตอนนี้เราถือว่าเรามีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในในพรรคใน 6 เดือนแรกของปีนี้เนี่ยเราปิดตัว Cash flow from Operation ถึง มากกว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งเทียบกับปีที่แล้วเนี่ยเติบโตมามากกว่า 2 ประมาณเรียกว่าประมาณ 2 เท่า ของ Cash flow from Operation ในปีที่แล้วเลยทีเดียวนะครับ แล้วปีนี้เนี่ยเราเองก็เรียกว่ามีความระมัดระวังแล้วกันในการลงทุนต่างๆ ขึ้นมามาก ทำให้ตอนเนี้ยเรามีการเก็บสะสมเงินไว้ ดีพอสมควรแล้วก็มีแนวทางที่จะสร้าง value กลับคืนให้กับผู้ถือหุ้นให้มากที่สุดนะครับ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมด้าน Treasury stock ที่เรา execute ไปแล้ว เกือบครบถ้วนนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการปันผลระหว่างการซึ่งเราก็มีการประกาศให้ทุกท่านทราบว่า ในไตรมาสนี้เราจะมีการดำเนินการเรื่องการปันผลระหว่างการให้กับทางผู้ถือหุ้นทุกท่านด้วยนะครับ แล้วก็คงจะมีหลายๆ อย่างที่จะเกิดขึ้นรวมทั้งการจ่ายชําระหนี้บางตัว ซึ่งทำให้เราสามารถที่จะลด finance cost เพิ่มเติม และทำให้ bottom line เราสูงขึ้นมาอีก จากเงินที่เรามีเพิ่มเติมเข้ามาตอนนี้
ในไตรมาสนี้มีธุรกิจที่ เรียกว่า Perform ได้อย่างโดดเด่นอยู่หลายๆ ตัว ยกตัวอย่างขึ้นมาเนี่ยทั้งหมดในหน้าเนี้ย ก็คือ 6 ธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นตัวคลังสินค้าทั่วไปซึ่งมีการเติบโตถึง 28% จากปีที่แล้วนะครับ คลังแล้วก็ Terminal ด้าน Dangerous Good หรือสินค้าอันตรายเนี่ยเติบโต 14% จากปีก่อน Oversea เติบโต 28.5% จากปีที่แล้วนะครับ Cross border นะครับ การขนส่งข้ามแดนนะครับ เติบโตถึง 48.6% จากปีก่อน Multimodal Transportation คือการขนส่งหลากหลายรูปแบบนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางแม่น้ำต่าง ๆ เนี่ยนะฮะ เราเติบโตขึ้นถึง 20.1% จากปีที่แล้วนะครับ แล้วก็ตัว infrastructure ด้าน Logistics นะ ครับ เราเติบโตขึ้นมาถึง 13.7% จะเห็นได้ว่ามีหลายธุรกิจมากที่โตขึ้นมาได้เป็นอย่างดีนะครับ มาเทียบกับปี ก่อน ก็แสดงว่ามันมีโอกาสธุรกิจบางอย่างที่เกิดขึ้นในภาวะที่ยากลำบากนี้เช่นเดียวกันครับ ซึ่งเรามาลองดูทาง เรียกว่าภาวะของ Industry ต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเรา ยกตัวอย่างเช่นตัว commodity business ก็คือเรื่องของตัวซีเมนต์ ตัวสินค้าด้านถ่านหินหรือว่าตัว chemical packaging ต่างๆ ที่เป็นสินค้า ทางหลักของทาง SCG นะ ครับ จะเห็นได้ว่าในไตรมาสนี้ นักวอลุ่มของทางซีเมนต์ก็เติบโตดีขึ้นมาเทียบกับไตรมาสที่ 1 หรือช่วงเดียวกันของปีก่อนนะครับ แล้วก็จริงๆ เราก็ได้ Transportation share เข้ามาเพิ่มเติมตามลำดับด้วย เพราะฉะนั้นเนี่ยก็ถือว่าเราเองแล้วก็ ก็ยังสามารถที่จะเติบโตแล้วก็สร้างกำไรจากธุรกิจในกลุ่มที่เป็น commodity หรือว่าสินค้า base ของทาง SCG เนี่ย ได้อย่างต่อเนื่องนะครับ ก็เชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้เราน่าจะปิดสัญญา ทำงานให้กับทางเพื่อนๆ ญาติๆ ของเราในกลุ่ม SCG เนี่ย ได้เพิ่มขึ้นตามลำดับนะครับ ก็ถือว่าตรงนี้ Outlook ก็ค่อนข้างสบายใจนะครับ
ในทางกลับกันนะครับ กลุ่ม Automotive จะเห็นว่ามันก็มีความน่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน เพราะว่าหลายๆ ท่านก็ถามเข้ามาว่า เอ๊ะ กลุ่มออโต้เป็นยังไง กลุ่มออโต้เป็นยังไง ก็ต้องเรียนว่ามันก็มีการเรียกว่า Slow down ลง ช้าลง ในในช่วง ในช่วงปีนี้จริงๆ นะครับ แล้วก็เราเอง ก็ Foreseen ได้ว่าในไตรมาสที่ 3 เนี่ยมันก็อาจจะมี การเรียกว่า แผ่วลงไปบ้างนะครับ แผ่วลงไปบ้าง แต่ไตรมาสที่ 1 กับ 2 เนี่ย ถือว่าเราทำได้ดีนะ ถือว่าทำได้ดี แล้วก็ ถ้าเดี๋ยวดูในช่วง Financial จะเห็นว่าจริงๆ เราทำได้ดีกับปีที่แล้วด้วยนะครับ แต่ว่าไตรมาสที่ 3 เนี่ย จะมีแผ่วลงนะครับ แต่ว่าเดี๋ยวพอไปไตรมาสที่ 4 เนี่ย พอเข้าสู่ช่วงที่มีการ Launch โมเดลใหม่ มี มอเตอร์โชว์ มีอะไรเราก็เชื่อมั่นว่ามันจะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นในปีนี้ โดยรวมแล้วออโต้ น่าจะยัง perform ได้ ได้ดีนะครับ แต่ก็ต้องต่อสู้กับภาวะความยากลำบากของ Industry นิดนึง ตอนนี้ก็ใช้วิธีการจัดการด้วยการหา เค้าเรียกว่าอะไรนะฮะ ลูกค้าเพิ่มเติม เข้ามาเติมใน portfolio ของเรานะครับ ไม่ว่าจะเป็นงานเดิมของลูกค้างงานใหม่ของลูกค้าเดิม หรือว่าเป็นงานของลูกค้าใหม่ๆ เลย ซึ่งก็มีแบรนด์รถยกตัวอย่างเช่น EV ของประเทศจีนหลายๆ แบรนด์ที่เริ่มเข้ามาใช้บริการเราเพิ่มเติมมากขึ้น ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 เป็นต้นมานะครับ ตรงนี้ก็ช่วยให้เราสามารถยืนได้แล้วก็น่าจะสามารถยังสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ นะครับ
ส่วนธุรกิจด้าน โคเชน ก็จริงๆ ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีของทาง โคเชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับปีที่แล้วนะครับ ในปีนี้สินค้าหลายๆ ตัวเข้ามาในคลังค่อนข้างมาก ยกตัวอย่างเช่นกลุ่มอาหารทะเล ปลาทูน่า นะครับ หรือแม้แต่กลุ่มสัตว์ปีก นะครับ หรือหมูต่างๆ เนี่ยนะครับ ก็ก็เข้ามาได้ดีนะครับ แล้วก็ทำให้ OR ของเราค่อยๆ เพิ่มขึ้น จริงๆ ต้องถือว่า OR มันถ้าดูตามกราฟนี่เหมือน OR มันลดลงจากปีที่แล้วแต่จริงๆ ไม่ใช่ เพราะว่า คือ เราเพิ่มพื้นที่ให้บริการเข้ามาเมื่อช่วงมกราคมต่อเนื่องถึงเดือนเมษายนที่ผ่านมาเนี่ย หลายครั้งครับ ก็มันทำให้พื้นที่ให้บริการโดยรวมเนี่ยมันสูงขึ้น OR มันก็เลยตกลง แต่ว่า OR แบบนี้ก็กระเตื้องขึ้นมาตามลำดับ แต่ถ้าดูเป็น แสคว์มิเตอร์ หรือจำนวนแพลต เนี่ย มันโตขึ้นตลอดนะครับ มันโตขึ้นตลอด ตรงนี้ก็ถือว่าใน ในปีนี้ห้องเย็นน่าจะ น่าจะทำได้ดี แล้วก็ด้วย Capacity ที่มีเหลือ จากการเปิดคลังใหม่เข้ามาเนี่ย ก็น่าจะทำให้เรามีศักยภาพในการเติบโตด้านรายได้เพิ่มเติมได้ในไตรมาสที่ 3 และ 4 นะครับ
ในอีกทางหนึ่งนะครับ ธุรกิจ Freight ตัวนี้มีความ fluctuation เยอะนะครับ ก็ขึ้นลง ขึ้นลงในแง่ของราคาขาย ตั้งแต่ต้นปีมานะครับ ก็เริ่มมีการย่อตัวลงมา แล้วก็กลับขึ้นไปในช่วงกลางปี แล้วตอนนี้ก็ย่อลงไปอีก อันนี้ก็มีเรื่องความผันผวนในแง่ของภาวะ เรียกว่า เรื่องว่า Global Economy แล้วก็เรื่องของ Geopolitics ต่างๆ ที่ทำให้เกิดการ Spike of demand ขึ้นมาในบางช่วงเวลา อะไรต่างๆ เหล่านี้นะฮะ ก็เราก็ต้องจัดการ กับมันนะครับ แต่ว่าทางเราเนี่ยตอนนี้เรื่องของตัวต้องยอมรับว่ารายได้ Freight ในไตรมาสเนี้ย จะย่อลงมานิดนึงนะครับ เพราะว่ามันก็เป็นไปตาม เป็นไปตามราคาของมันอ่ะนะฮะ แต่ว่าผลกำไร กับ GP เราทำได้ดีขึ้น เพราะว่าเรามีเซอร์วิสใหม่ๆ ที่เป็น value added ทำให้กับลูกค้า เราเรียกว่างาน นF ตัวอย่างเช่นเรื่องของ Custom เรื่องของการทำ National Single Window ซึ่งเราได้งานจากลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามา นับตั้งแต่ช่วงต้น มี ต้นปีมาจนถึงปัจจุบันนะครับ ก็ถือว่าตรงนี้ก็ช่วย compensate ในเรื่องของ fluctuation ต่างๆ ได้และทำให้ F ยังสามารถทำกำไรได้นะครับ
ส่วนงาน Oversea ในปีนี้เราเติบโตขึ้นค่อนข้างดีนะครับ ก็ได้อานิสงส์จากการ consolate งานจากเวียดนามเข้ามา แล้วก็เชื่อมั่นว่าเวียดนามปีนี้ก็ยังมีศักยภาพที่จะทำได้ดีนะครับ แล้วก็หลายๆ ประเทศเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้ก็จะมีความกังวลจากหลายๆ ท่านเข้ามา เกี่ยวกับเรื่องของตัวความขัดแย้งที่เรามีกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็คือ กัมพูชา แต่ว่าต้องเรียนว่าธุรกิจของเราในกัมพูชาก็ยังสามารถที่จะเดินได้เป็นอย่างดีตามปกติ เพราะว่าเราก็มีเรียกว่า พี่น้อง Staff ของเราที่เป็นคน Local ที่ทำงานอยู่ที่นั่นรวมทั้งมี Expat ที่เป็นคนต่างชาติ นะครับ ที่ไม่ใช่ทั้งไทย ทั้งกัมพูชาเนี่ย ทำงานอยู่ที่นั่นเป็นตัวแทนของเรา แล้วก็สามารถที่จะรันธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนเดิมนะครับ เพียงแต่ว่าก็อาจจะในเรื่องของ Cross border Transportation อาจจะมีติดขัดบ้าง เพราะว่ามันเดิม รถมันวิ่งข้ามแดนไม่ได้ ข้ามแดน ไม่ได้นะครับ ก็ต้องไปใส่โหมดอื่นในการขนส่งแทน ไม่ว่าจะเป็นทางแม่น้ำ ทางทะเล ต่างๆ เหล่านี้ซึ่งเราก็สามารถ provide Solution ให้ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันจริงๆ แล้วในทางกลับกัน เราน่าจะได้รับโอกาสในการได้งานจากลูกค้าหลายๆ รายที่เดิมไม่ได้ใช้บริการเรา แต่ตอนนี้ต้องการ Solution ที่จะเอาสินค้าเข้าไปในกัมพูชาด้วยซ้ํา นะครับ ตรงนี้ก็ถือว่าด้วยความ diversification ของเราก็ทำให้เราสามารถที่จะยังๆๆ ไปต่อได้ในในภาวะที่มันมีความขัดแย้งหรือว่ามีความไม่แน่นอนต่างๆ เหล่านี้ก็ตาม นะครับ ก็เรียนเพื่อเกิดความสบายใจนะฮะ
ในแง่ของ direction ของธุรกิจเรายังยืนยัน 5 pillar เหมือนเดิม ก็คือการเติบโต ในภูมิภาค การสร้าง Synergy ในกลุ่ม การสร้าง Core competency ใหม่ๆ การเติบโตไปยังกลุ่มธุรกิจที่เป็น Consumer base นะครับ แล้วก็ การสร้าง Lean Business ผ่านทางกลไก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสร้าง Innovation Digital Technology ต่างๆ การสร้างความยั่งยืน นะครับ sustainability แล้วก็ Organic Growth นะครับ เรื่อง M&A ปีนี้อาจจะดูยังไม่ได้มีอะไรใหม่เข้ามา เราพยายามที่จะ รีดเอาประโยชน์หรือ efficiency จาก M&A ที่เราได้ทำในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขึ้นมาให้มากที่สุดซะก่อน
หลังจากนี้ไปอาจจะมี deal ดีๆ เกิดขึ้นก็ได้นะครับ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้มีความแน่นอนชัดเจนถึงขนาดนั้น ก็ฝากติดตาม แต่ว่าเรายังคงยืนยันว่า เราต้องโตทั้งในแง่ของ Organic แล้วก็ in organic growth ไปพร้อมๆ กันนะครับ
อีกส่วนหนึ่งก็คือเราก็ตั้งเป้าว่าเราจะต้องเติบโตให้ได้ไปที่ปี 2029 นี้ก็เป็นเป้าที่เราตั้งใจแล้วก็ภายใต้ความยากลำบากความผันผวนต่างๆ มันจะไปได้มากน้อยแค่ไหน เราก็ยังคงมั่นใจว่าเรายืนเป้าเดิมก่อนนะครับ แล้วก็เราพยายามไปข้างหน้าให้ดีที่สุดนะครับ ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมาเนี่ย เราก็มีความคืบหน้าในแง่ของเชิงธุรกิจ แล้วก็โครงการต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดคลังสินค้าใหม่ อีก 1 หลังที่นวนครก็คือของ SCG นิชิเร Logistics ซึ่งเป็น Joy Venture ระหว่างเรากับ นิชิเร Logistics Group นะครับ ซึ่งมีพื้นที่ให้บริการเนี่ย 16,310 Pallet Location นะครับ แล้วก็ตัวนี้เนี่ยก็ถือว่าเป็นคลังที่มีขนาดใหญ่นะครับ แล้วก็ น่าจะสามารถสร้างรายได้ให้กับเรา ในแง่ของทาง SCG นิชิเร Logistics เพิ่มเติมขึ้นมาได้นะครับ ในปีนี้นะครับ
อีกคลังหนึ่งที่กำลังใกล้จะเสร็จแล้ว แล้วก็จะเป็นประโยชน์กับเราเป็นอย่างมากก็คือคลังที่บางกะดี ซึ่ง Alpha เป็นผู้สร้างให้ ตัวนี้เราจะให้บริการกับลูกค้าของเราก็คือ ลูกค้าเกี่ยวกับกลุ่มเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเราจะได้งาน ไม่ใช่ได้งาน เราได้งานมาแล้วนะครับ ปีที่แล้วถ้าทุกท่านติดตามมานะครับ ซึ่ง เมื่อคลังนี้เสร็จเราจะโยกงานทั้งหมดไปอยู่ที่คลังพื้นที่นี้ ทำให้เราสามารถที่จะมีต้นทุนที่ดีขึ้นมีกำไรจากงานนี้สูงขึ้นนะครับ ซึ่งตรงนี้เนี่ยก็คาดว่าคลังจะเสร็จประมาณเดือนกันยายน นะครับ เพราะฉะนั้นในไตรมาสที่ 4 เราก็น่าจะสามารถที่จะ สร้าง margin ที่สูงขึ้นจากงานของกลุ่ม Carrier ได้นะครับ ตรงนี้ก็เป็น upside ที่เรามองเห็น ในช่วงปลายปีที่จะมาถึงนะครับ
Alpha เองนะครับ ไม่ได้สร้างแค่งาน บางกะดี ก็มีคลังอื่นๆ ที่กำลังก่อสร้างอยู่เช่นเดียวกัน ปัจจุบันมีแล้วทั้งหมด 10 โครงการแล้วก็ยังยืนยันว่าจะเดินหน้าในการขยายงานของ Alpha Industrial Solution ให้เติบโตต่อไป เพราะว่าตอนนี้มี backlog แล้วก็ demand จากลูกค้าเข้ามา เยอะพอสมควรนะครับ แล้วก็อีกส่วนหนึ่งก็คือว่าเรากำลังมีแผนที่จะขาย asset เข้าไปใน กอง หลีด นะครับ ตอนนี้อย่างน้อย 1 โครง การก่อน เรียนเบื้องต้น ตัวนี้เนี่ยนะครับ ก็คาดการ คาดการ ว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 นี้ นะปลายไตรมาสที่ 3 นี้ แต่ก็หวังว่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย ไม่ ไม่ Delay ไป ไตรมาสที่ 4 นะครับ แต่ว่าขายแน่นอนนะครับ ตรงนี้เนี่ย ก็จะเป็นส่วนที่ทำให้เรามีเงินกลับเข้ามาให้ Alpha ในการขยายธุรกิจต่อ แล้วก็แน่นอนจะมีการ บุ๊คกำไรจากการขาย Asset เข้ามาที่ Alpha แล้วก็เป็น Profit sharing หรือ Equity income กลับมาที่ทาง SCGJWD ด้วยเช่นเดียวกันนะครับ
ไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทย ที่ต่างประเทศเราก็มีความคืบหน้าทางธุรกิจ โดยเฉพาะที่มาเลเซีย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสร้าง คลังสินค้าห้องเย็น นะครับ ที่ ชาห์อาลัม นะครับ พื้นที่ 11,000 ตาราง เมตร คาดว่าจะสร้างเสร็จกันต้นปี 2026 นะครับ แล้วก็ครั้งที่ 2 ที่มาเลเซียตอนนี้อยู่ในแผนเรียบร้อย ขออนุญาตก่อสร้างและทุกสิ่งอย่างเตรียมไว้หมดแล้วนะครับ คิดว่าจะเริ่มสร้างกันในระยะเวลาไม่นานนี้นะครับ ก็อีกที่หนึ่งก็คืออยู่ที่ จอร์บารู นะครับ ตรงนี้ก็เป็นความคืบหน้าของการเดินงานด้านคลังสินค้าที่มาเลเซีย นอกเหนือจากงานอื่นๆ ที่เรามีอยู่แล้วในในต่างประเทศที่ทุกท่านก็คงจะพอทราบข้อมูลนะครับ แล้วก็อีกประเทศหนึ่งที่เราพยายามที่จะทำงานร่วมกันให้มากขึ้นนะครับ แล้วก็คึกคักมากขึ้นตามลำดับก็คือที่เวียดนาม ซึ่ง ทรานซิเมก ก็ในปีนี้ต้องเรียนว่าครึ่งปีที่ผ่านมานี่ ทรานซิเมก เนี่ยสามารถที่จะ achieve full year profit target ไปแล้ว ก็คือเขาวาง budget เอาไว้ ครึ่งปีที่ผ่านมาเนี่ย เขาได้กำไรเท่า budget ไปแล้วนะครับ เพราะฉะนั้นครึ่งปีหลังนี้เขาก็จะเติบโตต่อตรงนี้ก็ถือว่า น่าสนใจแล้วก็เราเองก็ ส่งงานเข้าไปที่เวียดนามต่อเนื่องนะครับ แล้วก็ล่าสุดก็มีการร่วมกับทาง Transmit ในการให้บริการลูกค้า ก็คือ AJ Plus ซึ่งเป็นจริงก็เป็นถือว่าเป็นบริษัทญาติๆ ของเราเองนะครับ ที่เข้าไปทำธุรกิจอยู่ที่เวียดนามด้วยนะ ตรงนี้ก็เป็นความคืบหน้าที่เวียดนาม แล้วก็พาร์ทเนอร์ต่างประเทศเนี่ย ไม่ได้ทำงานเฉพาะที่ต่างประเทศ มีเข้ามาทำงานในประเทศไทยด้วย ตอนนี้เรามีพาร์ทเนอร์ที่ชื่อว่า รุ่ยหยุน International นะครับ รุ่ยหยุน Supply chain เอ้ย โคเชน ขออภัย เข้ามาจด Joy Venture ร่วมกับเราในประเทศไทย เพื่อทำ โคเชน Cross border Transportation เชื่อมโยงระหว่างไทยและจีน แล้วก็ประเทศระหว่างกลาง อย่างเช่น ลาวหรือกัมพูชา ก็ตาม ตอนนี้เริ่มทำงานร่วมกันแล้ว Joy Venture จัดตั้งเรียบร้อยเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมานะครับ ก็ถือเป็นความคืบหน้าทางธุรกิจที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง ในไตรมาสที่ 2 นะครับ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้มีแค่งานด้านธุรกิจหรือการทำกำไรอย่างเดียว ในงานด้าน ESG เราก็มีความคืบหน้าต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ซึ่งในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาในช่วงเดือนมิถุนายน เรามีการจัด Logistics Camp ที่ชื่อว่า SCGJWD Next Gen Logistics รุ่นที่ 3 นะ ครับ ระหว่างวันที่ 9 ถึง 15 มิถุนายน ที่ผ่านมามีน้องๆ สมัครเข้ามาถึง 227 คนนะครับ เข้าร่วมงานของเรานะครับ แล้วก็ เราจัดแฮกตอน ให้ น้องๆ ได้แข่งขัน ไอเดีย innovation ด้าน Logistics นะ ครับ ซึ่งมาจากทั้งหมด 27 มหาวิทยาลัย ก็ได้รับการตอบรับแล้วก็ประสบความสำเร็จอย่างดี จากทั้งน้องๆ เองแล้วก็ บุคคลทั่วไป รวมทั้งอาจารย์แต่ละมหาวิทยาลัยก็ ก็ช่วยสนับสนุนในงานนี้ได้เป็นอย่างดี แล้วก็มีความมุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดความรู้ สร้างบุคลากรด้าน Logistics ต่อไปเป็นประจำทุกๆ ปีนะครับ
แล้วก็เราก็ได้รับรางวัลนะครับ หลายๆ ตัว ได้รับ certificate หลายๆ ตัว ในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องของ CAC ครับ เรื่อง คอรัปชั่นเนี่ย ก็เราได้ รับ certifาย มาเรียบร้อยนะครับ ประสบผลสำเร็จในเรื่องนี้ ก็ถือว่าเป็นความภูมิใจของเรา ได้รับรางวัลนะครับ จากงาน Asian sustainability รางวัล Asian sustainability Champion Awards จากงาน ลจิม ที่ประเทศสิงคโปร์นะครับ เราได้รับการ certif จากทาง TGO นะ ครับ ในเรื่องของตัวคาร์บอน Level certification หมายถึงว่าต่อไปนี้ เราได้รับการ certif ว่าเราสามารถ quantify หรือแสดงปริมาณของ decation ที่เราทำได้ โดยที่ ไม่จำเป็นต้องอาศัย External Expert มาช่วย เพราะเรา quantify ตัวเอง qualify ตัวเองเรียบร้อยแล้ว แล้วก็อีกอันหนึ่งที่น่าสนใจก็คือนอกเหนือจากโปรแกรม Treasury stock ที่เราดำเนินไปเกือบซึ่งเกือบจะครบถ้วนแล้วเนี่ย เราได้ประกาศจ่าย Interim dividend นะ ครับ ให้กับผู้ถือหุ้นในการประชุม บอร์ด ครั้งที่ผ่านมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนะครับ เป็นจำนวน 10 สตางค์นะครับ ซึ่งตรงนี้เนี่ยก็จะมีการจ่ายกันในช่วงต้นเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ก็ถือว่าเป็นการสร้าง shareholers value เพิ่มเติมจากสิ่งที่บริษัททำมาหาได้แล้วก็ในภาวะที่บริษัท เก็บหอม รอม ริบ แล้วมีเงินสำรองเพียงพอก็พยายามที่จะเอากลับคืนให้กับผู้ถือหุ้นให้ได้มากที่สุดนะครับ เป้าหมายด้าน Net Zero นะครับ เรายังคงเป้าปี 2050 แล้วก็ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้ เราประสบความสำเร็จในการลดคาร์บอนได้ในปริมาณที่มาก นะครับ ซึ่งเราลดคาร์บอนในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาเนี่ยนะครับ เป็นปริมาณ 10,000 924 ตันนะครับ ซึ่งตัวนี้เนี่ย ครึ่งปีนะฮะอันนี้คือครึ่งปีนะ ลดได้เท่ากับปีที่แล้วทั้งปีเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นปีนี้เนี่ยเราน่าจะลดคาร์บอนได้เพิ่มเติมเยอะพอสมควรนะครับ ตัวนี้ก็เป็นความมุ่งมั่นในการที่จะมุ่งหน้าสู่การทำ Carbon neutrality แล้วก็ Net Zero ของเรานะครับ อันนั้นคือความคืบหน้าทางธุรกิจต่างๆ นะครับ ผมขออนุญาต recap เรื่องของตัว Financial performance ไวๆ เพราะว่าเวลาก็ดำเนินมาพอสมควร แล้ว ก็เชื่อว่ามีคำถามเข้ามาค่อนข้างเยอะ ในไตรมาสนี้เราปิดอยู่ที่ 6,437.8 ล้านบาท Year to date 6 เดือน 12,877.8 ล้านบาท กำไร 282.5 ล้านบาท เติบโต 61.1% จากไตรมาส จากปีที่แล้วนะครับ ไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ในหน้าถัดไปเป็น distribution ของรายได้จาก BU ต่างๆ ซึ่งผมขออนุญาตไม่ลงรายละเอียดขอให้ทุกท่านลองศึกษาจากสไลด์ที่สามารถดาวน์โหลดไปได้เพิ่มเติม เราข้ามไปดูธุรกิจสำคัญๆ อย่างเช่น General Warehouse ในไตรมาสที่ 2 ทำได้ดี มีรายได้เติบโตขึ้นมาอย่างชัดเจนต่อเนื่องหลายๆ ไตรมาสที่ผ่านมา ยังคงอัตรา gross profit margin ระดับ 20 กว่า เปอร์เซ็นต์ นะครับ ถือว่าสูงแล้วทำได้ดี และยังมี backlog ในแง่ของ General Warehouse ค่อนข้างเยอะในปัจจุบันโดยเฉพาะที่แหลมฉบัง นะครับ ตู้สินค้าเข้ามาที่แหลมฉบังค่อนข้างเยอะ ทำให้หลากหลายธุรกิจได้รับอานิสงส์ตรงนี้นะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Q ที่ 2 เนี่ยจะเห็นว่า Dangerous Good Terminal เนี่ย รายได้โตขึ้นมาค่อนข้างดีเลยนะครับ แล้วก็ จากตู้ที่จำนวนมากขึ้นนะครับ แล้วก็ GP ก็ค่อนข้างดีเช่นเดียวกัน Automotive นะ ครับ ยอมรับว่ามีการแผ่วลงในช่วงเวลาที่ผ่านมาบ้าง แต่ถ้าเทียบกับปีที่แล้วก็ยังสูงกว่า ไตรมาสที่ 3 อาจจะแผ่ว ลงบ้างครับ แต่ ไตรมาสที่ 4 น่าจะกลับขึ้นมา โดย Overall ก็คิดว่าปีนี้น่าจะทำได้ดีกว่าปีที่แล้ว โคเชน มีพื้นที่เพิ่มเติมมากขึ้นทำให้รายได้มากขึ้นในปีนี้นะครับ แล้วก็ GP ยังอยู่ในระดับที่สูง 30 กว่า เปอร์เซ็นต์ นะครับ กลุ่ม Transportation นะ ครับ B2B Transport นะ ครับ ทำ GP เรียกว่า เออ ยังคง GP ในระดับ 8.1% แล้วกันนะครับ รายได้อาจจะดูไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก ก็ ก็ขึ้นอยู่กับการขึ้นลงของฐานลูกค้าของเราด้วย แต่ว่าถือว่ายังทำได้ดีแล้วก็ทำกำไรได้ต่อเนื่อง ในขณะที่กลุ่ม Direct to Consumer หรือ D2C Transport เนี่ย ก็ ในปีนี้ถือว่าทำรายได้ได้ดีกว่าปีที่แล้วนะ ครับ แล้วก็ year to date เดือนก็เติบโตขึ้นมาระดับ หนึ่ง นะ ครับ GP ก็ดีขึ้น เมื่อเทียบ กับ ปี ก่อน นะ ครับ แต่ ตัว ที่ เติบโต อย่าง น่า สนใจ จริงๆ คือ กลุ่ม ตัว Cross border multi มากกว่า นะ ครับ ซึ่ง ตัว นี้ อย่าง ที่ เรียน ตั้ง แต่ ตอน ต้น และ ราย ได้ เติบโต ขึ้น มา ค่อนข้าง เยอะ แล้ว ก็ GP ก็ ดี นะ ครับ ก็ ตรง นี้ เนี่ย ก็ ดู แล้ว ยัง มี โอกาส อีก หลาย ๆ ส่วน ถึง แม้ ว่า ก็ ต้อง ยอม รับ ว่า งาน Cross border ใน ช่วง หลัง จาก นี้ ไป นี่ อาจ จะ มี สะดุด บ้าง สําหรับ ส่วน ที่ ส่ง เข้า ไป ที่ กัมพูชา ทาง รถ นะ ครับ แต่ ว่า เรา คง จะ ไป ใช้ multi Transport ใน การ ซัพพอร์ต ลูก ค้า แทน ไป ทาง เรือ ทาง ทะเล อะไร ต่างๆ เหล่า นี้ ก็ คิด ว่า น่า จะ ยัง มี Solution ที่ ช่วย เหลือ ลูก ค้า แล้ว ก็ ทํา ให้ เรา เก็บ งาน ของ ความ จําเป็น ของ ลูก ค้า ที่ ต้อง ส่ง เข้า ไป ที่ กัมพูชา ได้ เพิ่ม เติม นะ ครับ ในกลุ่ม Logistics อื่น ๆ นะครับ จริงๆ ก็เป็นกลุ่มที่อาจจะไม่ได้ contribute รายได้สูงมากนัก แต่ว่าในไตรมาสที่ 3 ไตรมาสที่ 2 นี้ ก็ทำรายได้ได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขนย้าย ucation นะ ครับ งาน self storage and our space ซึ่งเติบโตขึ้นมาค่อนข้างเยอะเลยเมื่อเทียบกับปีที่แล้วนะครับ ตัว Document storage เองรายได้ดูจะย่อตัวลงนะครับ ก็อันนี้เกิดจากภาวะการแข่งขันทางด้านราคาภายในตลาดนะครับ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วจำนวนกล่องมันเพิ่มขึ้นนะฮะ Logistics infrastructure ก็ทำได้ดีในในช่วงนี้ ตัวหนึ่งที่น่าสนใจคือ Freight นะครับ Freight เนี่ยจะเห็นว่าในไตรมาสที่ 2 เนี่ยรายได้มันก็ก็ลดลงมานะครับ จากไตรมาสที่ 1 ก็คืออย่างที่เรียนแล้วมันมีการขึ้นลงของราคา F ในตลาดโลกนะครับ เราก็ราคารัมก็รายได้มันก็จะไปตามนั้น แต่ว่า GP มันดีขึ้นอย่างที่เรียนคือเรามี value address service เพิ่มเติม เข้ามาหลายตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งงาน National Single Window ซึ่งเราได้รับ License มาเมื่อช่วงต้นปีนะครับ แล้วก็เริ่มให้บริการลูกค้ามากขึ้นในปัจจุบัน ทำให้เราสามารถทำกำไรเพิ่มเติมจากส่วนนี้นะครับ Oversea เอง consolidate Performance นะครับ รายได้เพิ่มเติมเข้ามาจากเวียดนามค่อนข้างเยอะ ทำให้เรามีรายได้ที่เติบโตขึ้นค่อนข้างสูง GP ก็ดีขึ้นกว่าปีที่แล้วระดับ 1 นะ ครับ Equity income ก็ทำได้ดีต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี ไตรมาสที่ 1 income สูงมากนะครับ พอมาไตรมาสที่ 2 ก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูง เราได้ Equity income อยู่ที่ 108.5 ล้านบาท สาเหตุที่มันลดลงมาบ้างบางส่วนก็เกิดจากว่า เอ่อ Affiliate ของเราบางบางบริษัทเนี่ยอาจจะไม่ได้มีรายได้ในทุกไตรมาสสม่ำเสมออย่างเช่นเรื่องของตัว PSP ซึ่งเป็นนิคมอุตสาหกรรม เขาก็มีการขายที่ดินในช่วงไตรมาสที่ 1 ไตรมาสที่ 2 ไม่ได้มีการขายมันก็จะหายส่วนนี้ไปอะไรอย่างนี้เป็นต้น แต่ว่าถ้าไม่นับส่วนที่มันเกิดจากการขายเป็นช่วงเป็นช่วงเนี่ย งานที่ เป็น recurring เนี่ย ถือว่าทำได้ดีต่อเนื่องแล้วก็เราเชื่อว่าเราน่าจะยืน base ของ income ในระดับที่ไม่ต่ำกว่านี้ได้นะครับ แล้วก็จะมีมากขึ้นถ้ามี income ส่วนเพิ่มจากการขาย asset จากการขายที่ดินหรือจากงานต่างๆ ที่เพิ่มเติมเข้ามาในแต่ละช่วงเวลาของ affiliate ของเราในแต่ละประเทศได้ด้วยเช่นเดียวกันนะครับ ตรงนี้ก็ชื่อว่าเราเนี่ยมายืนอยู่ที่ base ใหม่แล้วล่ะนะครับ แล้วก็เชื่อว่าเราสามารถที่จะยืนที่กำไรรดับนี้บวก ลบ นะครับ แล้วก็เพิ่มเติมมากขึ้นไปได้นะครับ ตรงนี้ก็อยากเรียนให้เกิดความสบายใจซึ่งเราไม่ได้เดินหน้าเฉพาะเรื่องของการสร้างทไลน์ การไปสร้างรายได้ใหม่ๆ ทําสร้าง GP อย่างเดียวนะครับ การจัดการทั้ง SA และ finance cost ก็เป็นสิ่งที่เราทำต่อเนื่องมาตลอด แล้วจะเห็นได้ว่าในปีนี้ เราลด SA ลงจากในปีที่แล้วอีกนะครับ ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้นะ ครับ ต่ำ กว่า ไตรมาส ที่ 2 ปี ที่ แล้ว เยอะ มาก นะ ครับ ถึง แม้ ว่า ใน ปี ที่ แล้ว อาจ จะ มี ราย การ Write off ราย การ อะไร บาง อย่าง ที่ เป็น กล่อง สี ส้ม ๆ แปะ อยู่ เรา ตัด ตัว นี้ ทิ้ง ก็ ยัง ลด จาก ปี ที่ แล้ว ค่อนข้าง เยอะ นะ ครับ ไม่ ว่า จะ เป็น คิว 2 เอง หรือ 6 เดือน Year to date ก็ ลด ลง มา ได้ ทั้ง 2 ตัว เลย Finance cost ก็ ลด ลง นะ ครับ จะ เห็น ได้ ว่า ดอก เบี้ย ของ ไตรมาส ที่ 2 ปี นี้ ต่ำ กว่า ไตรมาส ที่ 1 อย่าง ชัดเจน เพราะ ว่า เรา มี การ จ่าย คืน หุ้น กู้ ที่ ครบ กําหนด ชําระ ไป เมื่อ ไตรมาส ที่ 1 แล้ว ก็ ไม่ ได้ มี การ ไป กู้ มา เพิ่ม นะ ครับ ก็ คือ ใช้ เงิน ที่ เรา มี สะสม เก็บ ไว้ เตรียม แล้ว ก็ จ่าย ไป เทียบ กับ ไตรมาส ที่ 2 ปี ที่ แล้ว อยู่ ใน ระดับ เดียว กัน ต้อง ถือ ว่า ต่ํา ลง เพราะ ว่า เรา มี การ ออก หุ้น กู้ 4,200 ล้าน บาท การ สอบ 4,200 ล้าน บาท ใน เดือน กันยายน ที่ ผ่าน มา เพราะ ฉะนั้น เพราะ ฉะนั้น เนี่ย เรา ก็ ถือ ว่า เอ่อ คุม ดอก เบี้ย ได้ ดี นะ ครับ แล้ว ก็ ต่ํา ลง เมื่อ เทียบ กับ ปี ที่ แล้ว ที่ มี หนี้ น้อย กว่า นะ ครับ ใน แง่ ของ ตัว Net Core Profit เรา ทํา ได้ เอ่อ 282.5 ล้าน บาท Year to date 648 ล้าน ถือ ว่า ทํา ใน ระดับ ที่ ดี แล้ว ก็ จริงๆ ถ้า มอง เฉพาะ คอร์ Profit เนี่ย เรา โต ขึ้น มา ค่อนข้าง เยอะ เลย นะ ครับ ค่อนข้าง เยอะ เลย นะ ครับ ก็ ตัว นี้ ก็ เป็น สิ่ง ที่ อยาก จะ เรียน เพื่อ เกิด ความ มั่น ใจ นะ ครับ